วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

การรับรางวัลของ Curry

เรียบร้อยในที่สุด Stephen Curry ก็ได้รับรางวัล MVP เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันจากการสร้างประวัติศาสตร์มากมายในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะพาทีม Golden State Warriors สร้างสถิติใหม่ชนะ 73 เกมในฤดูกาลเดียว ส่วนการประกาศรางวัลอย่างเป็นทางการก็จะเริ่มขึ้นในอาทิตย์หน้าหลังจากนี้
NBA: Stephen Curry MVP Press Conference
Curry เคยได้รับรับรางวัลนี้ในปีที่แล้วและยังสามารถพัฒนาการเล่นอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้ นั้นทำให้เขาควรได้รางวัลนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยกับการยิงสามระดับเทพเจ้าที่ปีนี้ในฤดูกาลปรกติกดไปถึง 402 ลูก มากกว่าสถิติเดิมที่เคยทำไว้ปีที่แล้วถึง 116 ลูก และด้วยค่าเฉลี่ย 30 แต้มต่อเกม Curry คือผู้เล่นที่ทำแต้มสูงสุดของลีกพร้อมกับค่าเฉลี่ยเกือบๆ 7 แอสซิส และ 5 รีบาวด์ต่อเกม ด้วยการนำทีมของเขา คู่หู Splash Brother Klay Thompson และ มนุษย์ผู้ทำทุกอย่าง Draymond Green ทำให้ Warriors เป็นทีมที่มีเกมบุกดีที่สุดของลีกด้วยการยิงสามแต้ม 1,000 ลูกในฤดูกาลเดียว ซึ่งไม่เคยมีทีมไหนทำได้ก่อนหน้าเลยในประวัติศาสตร์ NBA
แต้มเยอะอย่างเดียวก็คงไม่พอเพราะต้องมาพร้อมกับความแม่นด้วย Curry ปีนี้เขาถูกจัดในกลุ่ม 50/40/90 club กลุ่มแก๊งปืนมือที่แม่นระดับเทพที่น้อยคนนักจะได้อยู่กลุ่มนี้ เช่น Larry Bird, Steve Nash, Reggie Miller, Dirk Nowitzki เป็นต้น ด้วยเปอร์เซ็นการยิงทั้งหมดในฤดูกาลนี้ 50% ยิงสามแต้ม 45% และ 91% จากการยิงลูกโทษ ทำให้เคอร์รี่เข้าแก๊งนี้มาได้ (กลุ่มนี้แม้แต่ Ray Allen ก็ยังไม่ติดนะจ๊ะขอบอก)
นอกจาก Curry เปิดตัวในฤดูกาลนี้ด้วยการสร้างสถิติออกตัวที่ดีที่สุดของ NBA พี่แกเล่นกด 40 แต้ม ในเกมแรกที่พบกับ New Orleans Pelicans และกดอีก 53 แต้ม กับ Pelicans อีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน เขาสามารถทำแต้มได้อย่างน้อย 40 แต้มต่อเกมถึง 7 ครั้ง ในช่วงออกสตาร์ท 24-0 และ 13 ครั้งสำหรับทั้งฤดูกาล นั้นรวมไปถึง 3 เกมส์ที่ทำได้มากกว่า 50 แต้ม และในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เขาทำ 42 แต้ม 51 แต้มและ 46แต้ม 3 เกมส์ติดซึ่งค่าเฉลี่ยสามเกมส์นั้นอยู่ที่ 46 แต้มต่อเกมส์เป็นค่าเฉลี่ยการทำแต้มที่มากที่สุดในฤดูกาลเลยทีเดียว
ที่มา https://5520503141blog.wordpress.com

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2562

แบรนด์ Under Armour ชิงตัวซูเปอร์สตาร์ Stephen Curry มาจาก Nike

ถ้าพูดถึงนักกีฬาบาสเก็ตบอลที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ คงหนีไม่พ้น Stephen Curry ยอดมือยิง 3 แต้มจากทีม Golden State Warriors ที่เป็นแชมป์การแข่งขันบาสเก็ตบอล NBA ในปี 2015 (และเข้าชิงอีกครั้งในปี 2016 เริ่มแข่งสัปดาห์นี้)
และถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องกีฬาที่มาแรงแซงโค้งแบรนด์อื่นๆ ย่อมเป็น Under Armour ที่เริ่มจากการทำเสื้อกีฬา แล้วขยับมาทำธุรกิจรองเท้ากีฬาเมื่อปี 2006 นี้เอง ปัจจุบัน Under Armour ขึ้นมายืนหยัดต่อกรกับแบรนด์เก่าแก่ทั้ง Nike และ Adidas ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
เคล็ดลับความสำเร็จประการหนึ่งของ Under Armour ในวงการรองเท้ากีฬา คือการได้ซูเปอร์สตาร์อย่าง Curry มาเป็นพรีเซนเตอร์ พลังดาราของ Curry ส่งผลให้เด็กรุ่นใหม่หันมาซื้อรองเท้ารุ่น Curry One และ Curry Two ของเขากันอย่างล้นหลาม ชิงส่วนแบ่งตลาดของคู่แข่งมาได้อย่างมาก (อัตราการเติบโตของรองเท้า Under Armour สูงถึง 350% ต่อปีในปีนี้)
ยุทธศาสตร์นี้ Nike เคยประสบความสำเร็จมาแล้วกับรองเท้ารุ่น Air Jordan ที่ได้อดีตซูเปอร์สตาร์ Michael Jordan เป็นพรีเซนเตอร์
เรื่องนี้อาจดูเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจของแบรนด์กีฬาทั่วไป เว้นเสียแต่ว่าก่อนหน้านี้ สปอนเซอร์ของCurry ก็คือ Nike นั่นเอง

Nike เซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์ของ Curry ตั้งแต่เขาเริ่มเข้าวงการ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ Curry ยังไม่ดัง เป็นแค่ดาวรุ่งทั่วไป Nike ก็ไม่ค่อยสนใจเขามากนัก (Nike เซ็นสัญญากับนักกีฬาดาวรุ่งจำนวนมาก นักกีฬาใน NBA กว่า 74% เลือกใช้รองเท้า Nike)
ในปี 2013 Nike ส่งตัวแทนมาเจรจาต่ออายุสปอนเซอร์กับ Dell Curry พ่อของ Stephen ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาบาสเก็ตบอลด้วยเหมือนกัน ในสไลด์นำเสนอของ Nike กลับขึ้นชื่อของ Kevin Durant นักกีฬาชื่อดังอีกคนของ NBA ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพนักงานของ Nike นำสไลด์เก่ามาใช้แต่แก้ไขชื่อไม่หมด
Dell Curry หงุดหงิดใจอย่างมาก เมื่อบวกกับการที่ Nike ไม่สนใจสนับสนุนกิจกรรมแคมป์สอนบาสเก็ตบอลของ Stephen Curry เท่าที่ควร ยิ่งทำให้ Dell Curry รู้สึกว่าลูกชายของเขาเป็นดารานักบาสชั้นรอง ที่ไม่ได้รับความสำคัญเท่ากับดาราดังที่ Nike เป็นสปอนเซอร์อยู่ ทั้ง Kobe Bryant, LeBron James และ Kevin Durant
Dell บอกลูกชายของเขาว่าถ้ามีโอกาสก็ควรลองอะไรใหม่ๆ บ้าง และเมื่อแบรนด์หน้าใหม่อย่าง Under Armour ติดต่อเข้ามา เขาจึงตอบรับในไม่ช้า

Under Armour จับตามอง Curry มาตั้งแต่เริ่มเล่น NBA ในปี 2009 แต่เซ็นสัญญาไม่ทันเพราะ Nike ชิงตัวไปก่อนแล้ว
ตอนนั้น Under Armour เซ็นสัญญากับ Kent Bazemore เพื่อนร่วมทีมของ Curry ที่มีโอกาสเล่นเป็นตัวจริงน้อยมาก แต่ Under Armour กลับดูแลเขาอย่างดี ส่งรองเท้าและอุปกรณ์กีฬาจำนวนมากไปให้ Bazemore จนเพื่อนร่วมทีมหรือสต๊าฟของทีมต้องแบ่งเสื้อผ้าไปใส่บ้าง ส่งผลให้ผู้เล่นในทีม Warriors เริ่มรู้จักแบรนด์นี้
Bazemore ร่วมซ้อมพิเศษกับ Curry หลังการซ้อมปกติจนเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อ Curry พูดขึ้นมาว่าสัญญาของเขากับ Nike กำลังจะหมด Bazemore จึงยิงทันทีว่า ‘มาอยู่กับ Under Armour ดีกว่า’
หลังจากนั้น ตัวแทนของ Under Armour ก็มีโอกาสได้พบกับ Stephen Curry เพื่อนำเสนอสัญญาสปอนเซอร์ฉบับใหม่ให้กับเขา ตามสัญญาเดิมของ Nike บริษัทยังมีโอกาสนำเสนอสิทธิประโยชน์แข่งกับรายใหม่ให้ Curry พิจารณาเลือกก่อน แต่ตอนนั้น Nike กลับไม่ทำ ทั้งที่สัญญามีมูลค่าไม่ถึง 4 ล้านดอลลาร์ต่อปีด้วยซ้ำ
ในปี 2016 นี้ บริษัทการเงิน Morgan Stanley ประเมินว่ามูลค่าของ Stephen Curry ต่อธุรกิจของ Under Armour สูงกว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์
เรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในรอบหลายปีของ Nike ที่ไม่สามารถคว้าตัว Curry เอาไว้ได้ (Curry มีสัญญากับ Under Armour จนถึงปี 2024)

ที่มา https://brandinside.asia/stephen-curry-under-armour/

ประวัติ Stephen Curry



Steph เกิดที่ Ohio โดยเป็นลูกของ Dell Curry นักบาสเก็ตบอลมือฉมังสามแต้มคนหนึ่งในวงการบาส กับภรรยา Sonya Curry เมื่ออายุได้เพียง 2 สัปดาห์ Steph ก็ได้เข้าไปสัมผัสในเกมบาส NBA ครั้งแรก เพราะแม่ของเขาได้พาลูก เพื่อไปให้กำลังใจคุณพ่อ Dell ที่กำลังแข่ง Playoff อยู่ที่ Cleveland ตลอดเกมนั้นปรากฎว่า Steph ไม่หลับเลย ลืมตาตื่นด้วยความสนใจตลอด จนแม่ปักใจเชื่อว่า Steph ได้ดูดซับความหลงไหลในบาสเก็ตบอลเข้าไปแล้ว จากนั้นผู้คนได้เห็น Steph ในวัยเด็กเคียงข้างพ่อของเขา เขารักการเล่นบาสเก็ตบอลตั้งแต่เด็ก และได้รับการส่งเสริมจากครอบครัว แต่ก็มีอุปสรรคเมื่อ Steph มีรูปร่างที่บอบบาง และส่วนสูงที่ไม่มากในมาตรฐานนักบาส ทำให้เมื่อเขาจบ high school ไม่มี College ที่โด่งดังเรื่องบาสที่ไหนเสนอสนใจรับเขาเข้าทุนการศึกษาเลย จนในที่สุด Steph จึงต้องเลือก Davidson ที่ยื่นข้อเสนอมาให้ แม้จะไม่เคยได้แชมป์ NCAA (บาสระดับมหาลัย) เลยตั้งแต่ปี 1969





ปรากฎว่า Steph ได้พัฒนาและพิสูจน์ให้คนเห็นความสามารถ Davidson ทั้งพาทีมเข้า NCAA tournament สร้างสถิติการทำแต้ม และชู้ต 3 pts มากที่สุดใน NCAA เคอรี่ใช้เวลา 3 ปีในมหาลัย เพื่อพัฒนาตัวเองเป็น Point Guard ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะกับรูปร่างและความสามารถของเขาที่สุด โดยเขาเลือกจะดรอปการเรียนในปี 4 และออกจากมหาลัย เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้เล่น NBA ตามรอยพ่อของเขา



ใน Draft ปี 2009 เขาได้รับเลือกเป็นคนที่ 7 โดยทีม Golden State Warriors ในปีแรก Steph ฉายแววด้วยการชู้ต 3 แต้มที่แม่นยำ บวกกับศักยภาพในการถือและจ่ายบอล ทำให้ได้รับการจับตา และถูกเลือกให้เป็นนักบาสดาวรุ่งอันดับสองของลีกในปีนั้น Steph ยังคงมาตรฐานในปีที่ 2 ได้อย่างดี แต่ในแง่ทีม GSW ไม่มีฤดูกาลที่น่าจดจำ และห่างไกลจากการลุ้น playoff เป็นทีมที่มีแต่เกมรุก สร้างสีสันด้วยการทำแต้ม แต่ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ 





ในปีที่ 3 GSW เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโดยการเปลี่ยน Coach เป็น Mark Jackson แต่ Steph กลับพบกับฝันร้าย เมื่อมีอาการบาดเจ็บข้เท้ารบกวนตลอดฤดูกาล และต้องเข้ารับการผ่าตัดข้อเท้าขวาซ้ำหลายครั้ง หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยในตัวเขา ว่าเขาจะสามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม และอีกหลายคนเชื่อว่านักบาสที่บอบบางอย่าง Steph กับการบาดเจ็บรุนแรงแบบนี้ ยากที่จะเอาดีเป็นนักบาสแนวหน้าของลีกได้ 



















ในปีที่ 4 ทีม GSW แสดงความเชื่อในตัว Steph Curry ด้วยการต่อสัญญาไปอีก 4 ปี กับสัญญามูลค่ากว่า $44 ล้านเหรียญ พร้อมจะสร้างทีมโดยมี  Steph เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นการกระทำที่เสี่ยงที่ต้องอาศัยความเชื่อและศรัทธาอย่างมาก เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ยังรบกวน รวมไปถึงความสามารถที่หลายคนยังสงสัยว่าด้วยจุดเด่นการชู้ต 3 แต้มอย่างเดียว จะสามารถพาทีมไปได้ไกลแค่ไหน ปรากฏว่า Steph ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการทำสถิติ ชู้ต 3 แต้มลงมากสุดในหนึ่งซีซันตลอดกาลของ NBA พร้อมพาทีมเข้าชิง Playoff เป็นหนแรกในรอบหลายปี และแม้จะตกรอบด้วยการแพ้ให้กับ San Antonio Spurs แชมป์ในปีนั้น แต่หลายคนเริ่มเห็นพัฒนาการที่ดีของ GSW ยุคใหม่ที่ build around Stephen Curry






ในปีที่ 5 ทั้ง GSW และ Steph ยังคงแสดงให้เห็นการพัฒนา โดย Steph มีการพัฒนาอย่างชัดเจนในเรื่องการถือบอล สร้างโอกาสให้เพื่อน และการจ่ายบอล จน Steph ได้มีชื่อติดในทีม All-Star first team เป็นครั้งแรกของ franchise ในรอบหลายปี และพาทีม GSW เข้า Playoff แม้สุดท้ายจะพ่ายให้กับ LA Clippers ในรอบแรกก็ตาม




และมาในปีนี้ ปีที่ 6 ของ Steph ใน NBA มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งของ GSW เมื่อ โค้ช Mark Jackson ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Steph ถูกไล่ออกไป และได้แต่งตั้งโค้ชคนใหม่ Steve Kerr อดีตนักบาส NBA ที่ไม่มีประสบการณ์คุมบาสมาก่อน Kerr เข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการเล่นจากเดิมที่พึ่งแต่ Steph ให้เล่นเป็นทีมมากขึ้น เน้นการจ่ายบอล และมูฟเม้นท์ของคนไม่มีบอล ขณะเดียวกันก็แก้จุดอ่อนของ Steph ที่เคยอาศัยคนอื่นช่วยในการ defense ให้เป็นคนรับผิดชอบเอง การลดภาระในการทำเกมออกไป และเพิ่มภาระใหม่ให้กับ Steph เป็นเหมือนการผลักดันให้ทุกคนในทีมมีการพัฒนา รวมไปถึงตัว Steph เองด้วยที่เปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ พร้อมจะพิสูจน์ตัวเองและความท้าทายในการยกระดับการเล่นของตัวเองให้สมบูรณ์ทั้งเกมรุกและเกมรับ 




ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเหลือเชื่อ เมื่อ Steph ได้พัฒนาการเล่นของตัวเองไปอีกระดับ จนได้รับการโหวตจากมหาชนให้ติดทีม All-Star first team เป็นอันดับหนึ่ง แถมด้วยการเป็น MVP (the most valuable player) จากการโหวตโดยผู้เล่น โค้ช และนักข่าวในวงการ NBA ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดของนักบาสแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ Steph ทำลายสถิติยิง 3 แต้มมากสุดของตัวเองเมื่อ 2 ปีก่อนลง พร้อมกับพาทีมเข้า Playoff และชนะจนได้แชมป์ของฝั่งตะวันตก Western Conference Champion และรอที่จะชิงแหวน NBA Championship กับทีม Cleveland Cavaliers ในอีกอาทิตย์ที่จะถึง ซึ่งหาก Steph สามารถพาทีมชนะได้ นี่จะถือเป็นการปิดฉาก perfect season ที่ดีที่สุดที่นักบาสคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว







สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับ Steph ก็คือ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจากดินสู่ดวงดาวนั้น ตัวตนของ Steph ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย เขายังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ถ่อมตนกับทุกคน ทั้งเพื่อนร่วมทีม และสตาฟฟ์ทีมงานทุกคน ส่วนหนึ่งมาจากการเลี้ยงดูที่ดีของครอบครัว ครั้งหนึ่งมีเพื่อนนักบาสของพ่อเขา เคยไปเยี่ยมที่บ้าน เมื่อเห็นห้องของ Steph เขาก็ไม่สงสัยเลยว่าเด็กคนนี้จะมีอนาคตที่สดใส เพราะแม้ Dell จะมีเงินมากมาย แต่ห้องที่ Steph อยู่กลับเป็นห้องที่แสนธรรมดา มีโปสเตอร์นักบาสติด แทบไม่มีอะไรที่ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น การเลี้ยงดูที่ถูกต้องนี้หล่อหลอมให้ Steph ไม่เป็นคนลุ่มหลงไปกับความโลภและสิ่งไร้สาระ นอกจากนั้นครอบครัว Curry ยังเป็นครอบครัวที่เคร่งในศาสนามาก หลายครั้งเวลาที่ Curry ชู้ตลงเขาจะแตะอกแล้วมองไปบนฟ้า เพื่อแสดงความศรัทธาต่อพระเจ้า Steph พบกับภรรยาของเขา Ayesha จากกิจกรรมในโบสถ์ ทั้งคู่เริ่มคบหากันตั้งแต่อายุ 14-15 ปี จนถึงปัจจุบันที่ทั้งคู่แต่งงานกันมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อ Riley โดย Steph ไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงเลย และเป็นผู้ชายที่รักครอบครัวมาก หลังเกมการแข่งขันใหญ่ๆ สิ่งที่ Steph ทำหลังชนะคือการไปแสดงความดีใจกับครอบครัวและลูกสาว นอกจากนั้น Steph ยังเป็นคนที่ถ่อมตน ให้เกียรติกับผู้อื่น ให้เครดิตกับทุกคนที่มีส่วนช่วยเขาเสมอ ในการรับรางวัล MVP เขาได้ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ในการพูดขอบคุณแทบจะทุกคนที่เกี่ยวข้องในชีวิตเขา เขาซาบซึ้งและมองทุกอย่างที่เข้ามาเป็นดั่งพร blessing ให้กับชีวิตเขา





การ support ที่ดีของครอบครัวตั้งแต่เด็กเรื่อยมาถึงการเสียสละของครอบครัวที่ยอมย้ายถิ่นฐานข้ามฝั่งประเทศมาอาศัยอยู่ใน Bay Area เพื่อให้ Steph สามารถ focus กับสิ่งที่เขารักได้อย่างเต็มที่ เมื่อบวกกับความอ่อนน้อมถ่อมตน ความศรัทธาในพระเจ้า ความซาบซึ้งและรู้คุณค่าในสิ่งที่ตัวเองมี ความมุ่งมั่นตั้งใจทำในสิ่งที่รัก ส่วนประกอบเล็กๆเหล่านี้หล่อหลอมและเป็นที่มาของ นักบาสตัวอย่างที่เป็นที่สุดของโลกในวันนี้
ที่มา https://pantip.com/topic/33716613